บทความ

กัมพูชามอบ "สมณศักดิ์" แก่ "พระภิกษุณี" แล้วคณะสงฆ์ไทยจะว่าอย่างไร?

รูปภาพ
กัมพูชามอบ "สมณศักดิ์" แก่ "พระภิกษุณี" แล้วคณะสงฆ์ไทยจะว่าอย่างไร? ===================================================== วันนี้...ขออนุญาตเขียนถึง...วงการคณะสงฆ์ประเทศกัมพูชา... ในฐานะที่หลวงพีบวชอุปสมบทจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา...ขณะนี้ประเทศกัมพูชาได้ให้การรับรองสถานภาพแห่งการบวช "พระภิกษุณี" ด้วยการมอบ "สมณศักดิ์" อย่างเป็นทางการให้แก่ "พระภิกษุณีอู อีเหอ" ซึ่งเป็นชาวจีน ที่เกิด ณ กรุงไทเป ประเทศใต้หวัน ซึ่งท่านเป็นพระภิกษุณีที่อยู่ ณ วัดปัญญา สังกัด กรังทะนง คันแสนสุข กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ให้เป็น "พระครูนารียาธิปตานี (ภิกษุณี)" เจ้าอธิการวัดปัญญา : ព្រះគ្រូនារីយាធិបតានី (อ่านว่า : เปี๊ยะ กรู เนีย รี เยีย ธิ ปะ ตานี) ุ ซึ่งถือได้ว่าเป็น "ประวัติศาสตร์" สำคัญของพระพุทธศาสนาในยุคกึ่งพุทธกาล...ประเทศกัมพูชาที่ดูประหนึ่งว่าจะเป็นประเทศที่ล้าหลังกว่าหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กลับมีความคิดอันทันสมัยในด้านการบริหารจัดการการคณะสงฆ์ และให้การยอมรับการฟื้นฟู "พระภิกษุณี...

นิทานสอนใจ...เรื่อง "ช่อกุหลาบ...แทนรัก"

รูปภาพ
นิทานสอนใจ...เรื่อง "ช่อกุหลาบ...แทนรัก"  ============================= ตั้งแต่พ่อของเคนตายไป แม่ก็ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงเคน และส่งเขาเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ เคนเป็นเด็กจิตใจดี เชื่อฟังพ่อแม่ และเรียนเก่ง ซึ่งทำให้แม่ของเขามีกำลังใจทำงานหนัก เพื่อลูกคนนี้โดยไม่เคยปริปากบ่น เคนรู้ว่าแม่เหนื่อยเพื่อเขามาก ดังนั้น เขาจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้เท่ากับที่แม่ต้องทำงานหนัก ในที่สุดเคนก็เรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนยอดเยี่ยม แล้วเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละรัฐกับบ้านของเขา “ไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วงแม่ แม่อยู่ได้ อนาคตของลูกสำคัญกว่า” แม่ของเคนยิ้มบอก “แล้วผมจะหมั่นกลับบ้านมาเยี่ยมแม่นะครับ” เคนพูดแล้วกอดลาแม่ เมื่อต้องจากแม่ไปอยู่คนละรัฐแล้ว เคนก็หาเวลากลับมาหาแม่ที่บ้านบ่อยๆ แต่นานวันเข้า งานที่ได้รับมอบหมายก็มากมายเสียจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เคนยังระลึกถึงแม่เสมอ แต่ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้เขาเบื่อหน่ายการเดินทางข้ามรัฐ ในที่สุดเขาก็หาทางออกด้วยการส่งสิ่งของต่างๆ ไปให้แม่ที่บ้าน เพื่อให้แม่ชื่นใจและรับรู้ว่า เขายังรักแม่เสมอ ...

นิทานสอนใจ...เรื่อง "จุดเด่นและจุดด้อย"

รูปภาพ
นิทานสอนใจ...เรื่อง "จุดเด่นและจุดด้อย" =========================== กาลครั้งหนึ่ง มีกษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงมีพระโอรสสามพระองค์ ซึ่งวันๆ เอาแต่หาเรื่องขุดคุ้ยข้อเสีย และเปิดโปงความบกพร่องของกันและกัน ทะเลาะกันไม่หยุด ไม่ว่าจะไปที่ไหน พระโอรสก็เอาแต่พูดถึงแต่ความดีของตัวเอง กล่าวถึงความชั่วของคนอื่น จนกษัตริย์ทรงพิโรธ จึงทรงขับพระโอรสออกนอกประเทศ ตรัสว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมปรับปรุงตัว ก็อย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป” พระโอรสทั้งสามก็ออกจากประเทศไป ในระหว่างทางก็ยังคงทะเลาะกันไม่หยุด แต่ละองค์ต่างก็บอกว่าตัวเองถูก คนอื่นไม่ถูก สุดท้ายทั้งสามจึงแยกทางกันเดิน หลายวันผ่านไป เผอิญพี่น้องสามพระองค์มาพบกันเข้าอีก ที่หน้าอกและหลังของแต่ละองค์ต่างก็มีถุงแขวนอยู่ ต่างฝ่ายต่างก็ถามกันว่าถุงนั้นใส่อะไรไว้ องค์ชายใหญ่ตรัสว่า “ถุงด้านหลังของข้า ใส่จุดเด่นของญาติมิตร ถุงที่หน้าอกใส่จุดด้อยของเขา ข้าไม่เคยเปิดดูถุงที่สะพายอยู่ด้านหลังเลย ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าจุดเด่นของญาติมิตรมีอะไรบ้าง” องค์ชายรองตรัสว่า “ข้าเอาจุดเด่นของตัวเองใส่ไว้ในถุงที่หน้าอก เพื่อข้าจะได้มองเห็...

นิทานสอนใจ...เรื่อง "คนที่ไม่ถูกนินทา"

รูปภาพ
นิทานสอนใจ...เรื่อง "คนที่ไม่ถูกนินทา" =========================== วันหนึ่ง มี ตา กับหลานชาย ต้องเดินทางไกล ไปหาญาติที่อยู่ต่างเมือง โดยมีม้าเป็นพาหนะไว้เดินทาง ทั้งหมดจะต้องผ่านเมืองต่างๆ แต่ระหว่างทาง ด้วยความกตัญญูของหลานชาย เห็นตาผู้ชรา จึงขอให้ตา นั่งบนหลังม้า เพราะความเป็นห่วงเป็นใย แต่เมื่อเข้ามาในเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่าง ซุบซิบนินทาว่า “ต๊าย ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะปล่าว ทำเป็นสำออย ใช้แรงงานเด็ก ตัวเองสบายเลยนะ” เมื่อ ตา ได้ยินเช่นนั้น จึงไม่อยากให้เป็นที่นินทาของใคร จึงบอกให้หลานชาย ขึ้นมาขี่ม้าแทน จนมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ชาวบ้านเมืองนี้ก็ นินทา ว่าร้ายหลานชายว่า “ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ ทำไม ถึงทำกับตาแก่ๆได้” เมื่อหลานได้ยินเช่นนั้น จึงให้ตาขึ้นมาขี่ม้าด้วยอีกคน พร้อมพูดว่า “ดูซิ ว่าจะมีใครนินทาพวกเราอะไรอีกไหม” ต่อมา เมื่อมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ก็ไม่พ้นการโดนนินทาของชาวบ้าน “โถ่ ๆ ๆ เจ้าม้าช่างน่าสงสาร ทำไมเจ้านายของแกถึงใจร้าย ใจดำ ใช้งานหนักเกินไปจริงๆ” ทั้งคู่ จึงตัดปัญหา ลงจากหลังม้า และย่างเท้าเดินไปแทน แต่แล้ว ก็ต้องมาผ่านเมือง อีกเมืองหนึ...

นิทานสอนใจ...เรื่อง "ให้เป็น...ที่รัก"

รูปภาพ
นิทานสอนใจ...เรื่อง "ให้เป็น...ที่รัก" ========================= พระภิกษุจำนวนหนึ่งที่ใคร่จะบำเพ็ญเพียรทางจิตฝึกสมณธรรมตลอดครึ่งพรรษา จึงเข้าเฝ้าพระพุทธองค์พร้อมกันเพื่อเรียนการฝึกจิตที่เรียกว่า "กรรมฐาน" ครั้นเรียนรู้ก็ออกเดินทางเพื่อแสวงหาที่ที่เหมาะสมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบสถานที่ร่มรื่นสงบเงียบอันเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียงยิ่งนัก ณ ชายแดนแห่งหนึ่งประกอบด้วยธารน้ำใสสะอาดและโขดหินรูปร่างต่างๆ ที่สีสันสวยงาม ภิกษุทั้งหลายจึงเลือกสถานที่นั้นเป็นที่พัก ครั้นชาวบ้านใกล้ๆ ป่านั้นได้ข่าวว่ามีเหล่าภิกษุมาพักจำศีลอยู่ ก็พากันมาทำบุญด้วยข้าวปลาอาหาร ตลอดเครื่องใจด้วยความเต็มใจ และศรัทธายิ่ง เพราะชายแดนแห่งนั้นไม่ค่อยมีภิกษุผ่านมากันนัก แต่รุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้เหล่านั้นเกิดเดือดร้อน ด้วยไม่อาจอยู่สูงกว่าผู้มีศีลอันบริสุทธิได้ ต้องลงมาจากวิมานต้นไม้ มาอาศัยตามพื้นดิน รอวันรอคืนที่ภิกษุเหล่านั้นจะเดินทางกลับเพื่อจะได้คืนสู่วิมานดังเดิม เหล่าเทวดาก็คอยแล้วคอยเล่าจนไม่อาจจะทนรออยู่ต่อไปได้อีก จึงร่วมกันทำการรบกวนด้วยวิธีต่างๆ ทั้งแปลงกายให้น่าเกลียดน่ากลั...

ผลแห่งวิธีการ "ให้ทาน" เป็นเช่นใด?

รูปภาพ
ผลแห่งวิธีการ "ให้ทาน" เป็นเช่นใด? ========================= พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภเศรษฐีชื่อ พิฬาลปทกะ (เศรษฐีตีนแมว) ว่า  เมื่อชาวเมืองสาวัตถึได้ถวายทาน พระองค์จะทรงกระทำอนุโมทนาพระองค์ตรัสว่า "บุคคลบางคนให้ทานด้วยตน แต่ไม่ชักชวนผู้อื่น เขาย่อมได้โภคสมบัติ แต่ไม่มีบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว" "บุคคลบางคนไม่ให้ทานด้วยตน ชักชวนแต่ผู้อื่น เขาย่อมได้บริวารสมบัติ แต่ไม่ได้ทรัพย์สมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว" "บุคคลบางคนไม่ให้ทานด้วยตน ไม่ได้ชักชวนผู้อื่น เขาย่อมไม่ได้ทั้งโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว" "บุคคลบางคนให้ทานด้วยตน และชักชวนผู้อื่นด้วย เขาย่อมได้ทั้งโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว" อุบาสกผู้หนึ่งฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ทั้งหมด รับบิณฑบาตของตนในวันรุ่งขึ้น แล้วออกเที่ยวป่าวร้องเพื่อนบ้านให้พร้อมกันมาถวายทาน ในที่นั้น เศรษฐีผู้หนึ่งโกรธว่า เหตุใดจึงไม่นิมนต์แค่กำลังของตน ต้องมาชักชวนชาวบ...

นิทานธรรม...เรื่อง “ไม้กวาดกับไม้ถูพื้น”

รูปภาพ
นิทานธรรม...เรื่อง “ไม้กวาดกับไม้ถูพื้น” ============================ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พ่อหมีใหญ่ เจ้าของบ้าน กำลังจะออกเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน จึงสั่งไม้กวาดกับไม้ถูพื้นว่า “เจ้าไม้กวาด เจ้าต้องกวาดบ้านทุกวันนะ ส่วนไม้ถูพื้นก็เหมือนกัน เพราะบ้านนี้มีฝุ่นเยอะ อีกหลายวันกว่าฉันจะกลับมา” “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพ่อหมี” ไม้กวาดกับไม้ถูพื้นรับคำพร้อมกัน และรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง “ดีมาก” พ่อหมีเอ่ยชม แล้วก็ออกจากบ้านไป คล้อยหลังพ่อหมี ไม้กวาดกับไม้ถูพื้น ก็หยุดทำงานแยกย้ายไปอยู่ตรงที่ของตัวเอง “ยู้ฮู..วันนี้ฉันมีความสุขจริงหนอ  ฉันขออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร” ไม้กวาดลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น พร้อมกับส่งเสียงร้องเพลง ไม้ถูพื้นเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นร้องเพลงเต้นระบำบ้าง “ชะ ชะ ช่า มาซิมาเต้นรำ” ผ่านไปหลายวัน ทั้งสองก็มัวแต่ร้องเพลงสนุกสนาน ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลย บ้านจึงเต็มไปด้วยขี้ฝุ่น และเมื่อใกล้ถึงวันที่พ่อหมีจะกลับ ไม้กวาดก็รีบออกมากวาดบ้าน พลางคิดว่า “เรื่องอะไรฉันจะเหนื่อยแรงกวาดให้สะอาด ให้เจ้าไม้ถูพื้นถูให้สะอาดดีกว่า” คิดแล้ว ไ...

นิทานเซน...เรื่อง "ชายค่อมสอยจักจั่น"

รูปภาพ
นิทานเซน...เรื่อง "ชายค่อมสอยจักจั่น" ========================== กาลคั้งหนึ่ง...นานมาแล้ว...ระหว่างทางที่ขงจื่อกำลังเดินทางไปยังแคว้นฉู่ ขณะเดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่ง ก็เห็นชายค่อมใช้ไม้ทายางเหนียวสอยจับจักจั่นได้อย่างง่ายดาย ราวกับใช้มือจับ ขงจื่อมองดูพลางเอ่ยถามว่า “ยอดเยี่ยมยิ่ง ท่านมีวิธีอย่างไรหรือ?” “ข้าย่อมมีวิธี ช่วงห้า-หกเดือนแรกข้าฝึกดุลลูกหิน โดยวางลูกหินสองลูกซ้อนกันบนปลายไม้ หากลูกหินนั้นไม่ร่วงตกลงมา ข้าย่อมพลาดจักจั่นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เมื่อข้าเพิ่มลูกหินเป็นสามลูก และหากมันไม่ตกลงมาเลย ข้าย่อมพลาดจักจั่นเพียงหนึ่งในสิบตัว เมื่อเพิ่มลูกหินเป็นห้าลูกโดยที่ไม่ตกลงมา ข้าย่อมสามารถจับจักจั่นได้ราวกับจับด้วยมือเปล่า ระหว่างนั้น...ข้าทรงตัวนิ่งและมั่นคงดั่งต้นไม้ใหญ่ แขนที่ถือไม้สอยนิ่งราวกิ่งไม้แห้ง ไม่ว่าผืนฟ้าและแผ่นดินจะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แม้สรรพสิ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน ก็ไม่อาจเบี่ยงเบนจิตใจข้านอกจากปีกจักจั่น ไม่ส่ายไหว ไม่โงนเงน ไม่ปล่อยให้สิ่งใดเข้ามาแทนที่ปีกจักจั่น ดังนั้น ข้าจึงประสบความสำเร็จ” ขงจื่อหันมาหาเหล่าศิษย์พลา...

นิทานธรรม...เรื่อง "เต่าไม่สำรวมปาก"

รูปภาพ
นิทานธรรม...เรื่อง "เต่าไม่สำรวมปาก" ========================== ณ ป่าแห่งหนึ่ง มีเต่าตัวหนึ่งคลานต้วมเตี้ยมอยู่ริมสระน้ำ ซึ่งกำลังแห้งขอดลงทุกที พญาหงส์สองตัวบินผ่านมาพบเข้า จึงแวะสนทนา ต่อไปนี้เป็นคำสนทนาของสัตว์ทั้งสอง หงส์ - สวัสดีจ๊ะปู่เต่า เต่า - สวัสดีเจ้าหงส์น้อย หงส์ - น้ำในสระกำลังจะแห้งขอดหมดแล้ว ท่านมาคลานอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปอยู่ที่อื่น เต่า - เกิดที่นี้ก็ขอตายที่นี่แหละสหายเอ๋ย จะให้ข้าไปไหน หงส์ - ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งมีน้ำบริบูรณ์ บรรยากาศร่มรื่นกว่านี้สิ เต่า - ที่ไหนล่ะ หงส์ - ที่ป่าโน้น ไกลจากนี้ไปประมาณโยชน์หนึ่ง มีสระน้ำกว้างใหญ่ มีดอกบัวบานสวยงามมาก มีหมู่ปลาแหวกว่ายไปมาเป็นเพื่อนท่านด้วย ท่านควรไปอยู่ที่นั่น เต่า - จะไปได้อย่างไรเล่าสหาย ข้าไปไหนก็ช้า คลานไปอย่างนี้สักกี่ปีกี่ชาติ จะถึง หงส์ - ไม่เป็นไร พวกเราจะพาท่านไปเอง เต่า - ข้าบินไม่ได้นะ หงส์ - ไม่เป็นไร เราจะคาบไม้สองข้าง ให้ท่านคาบตรงกลาง แล้วเราจะพาท่านบินไปเอง ขออย่างเดียว ... เต่า - ขออะไร หงส์ - ขอท่านอย่าเปิดปากพูดอะไรเป็นอันขาด ขณะเราพาท่านบินอยู่ หงส์สองตัวคงเห...

นิทานธรรม...เรื่อง "ดาบส...หัวดื้อ"

รูปภาพ
นิทานธรรม...เรื่อง "ดาบส...หัวดื้อ" ======================= มีพระภิกษุสองรูปที่ได้ชื่อว่า "หัวดื้อ" ที่สุดในสมัยพุทธกาล รูปหนึ่งชื่อ "ฉันนะ" ฉันนะที่เคยเป็นมหาดเล็กคนสนิทของเจ้าชายสิทธัตถะนั่นแหละครับ ท่านถือว่าเคยเป็นคนสนิทกับ พระพุทธเจ้ามาก่อน จึงมีทิฐิมานะไม่ยอมฟังใคร ไม่ยอมเชื่อใคร เชื่อมั่นในตัวเองสูง อย่าว่าไม่ฟังคำเตือนของพระเถระทั้งหลายเลย บางครั้งพระพุทธเจ้าทรงเตือนยังไม่ค่อยจะฟังเลย ได้ชื่อว่าหัวดื้อที่สุด พระพุทธองค์ทรงปล่อยให้กาลเวลาผ่านไป จนกระทั่งเมื่อตอนใกล้จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระอานนท์กราบทูลถามว่า หลังจากพระพุทธองค์ล่วงไปแล้ว จะให้สงฆ์จัดการอย่างไรกับพระฉันนะจอมหัวดื้อ พระพุทธองค์รับสั่งว่า ให้ทำ "พรหมทัณฑ์" แก่เธอ แล้วเธอจะสำนึกเอง พรหมทัณฑ์ ก็คือบอยคอตอะไรทำนองนั้น พระสงฆ์ไม่มีใครสนใจไยดีเธอ ทำเหมือนว่าไม่มีพระชื่อฉันนะอยู่ด้วย ไม่พูดจาด้วย ไม่โอวาท ไม่อนุศาสน์ ซึ่งก็น่าจะดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันนะ เธอมีความรู้สึกถูกโดดเดี่ยว จึงอึดอัดใจ และในที่สุดสำนึกผิด จึงกราบขอขมาคณะสงฆ์ ยอมทำตนอยู่ในโอวาทของพระเถระ...