ผลแห่งวิธีการ "ให้ทาน" เป็นเช่นใด?

ผลแห่งวิธีการ "ให้ทาน" เป็นเช่นใด?
=========================
=========================
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภเศรษฐีชื่อ พิฬาลปทกะ (เศรษฐีตีนแมว) ว่า เมื่อชาวเมืองสาวัตถึได้ถวายทาน พระองค์จะทรงกระทำอนุโมทนาพระองค์ตรัสว่า
"บุคคลบางคนให้ทานด้วยตน แต่ไม่ชักชวนผู้อื่น เขาย่อมได้โภคสมบัติ แต่ไม่มีบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว"
"บุคคลบางคนไม่ให้ทานด้วยตน ชักชวนแต่ผู้อื่น เขาย่อมได้บริวารสมบัติ แต่ไม่ได้ทรัพย์สมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว"
"บุคคลบางคนไม่ให้ทานด้วยตน ไม่ได้ชักชวนผู้อื่น เขาย่อมไม่ได้ทั้งโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว"
"บุคคลบางคนให้ทานด้วยตน และชักชวนผู้อื่นด้วย เขาย่อมได้ทั้งโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ ในที่ ๆ ตนเกิดแล้ว"
อุบาสกผู้หนึ่งฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ทั้งหมด รับบิณฑบาตของตนในวันรุ่งขึ้น แล้วออกเที่ยวป่าวร้องเพื่อนบ้านให้พร้อมกันมาถวายทาน
ในที่นั้น เศรษฐีผู้หนึ่งโกรธว่า เหตุใดจึงไม่นิมนต์แค่กำลังของตน ต้องมาชักชวนชาวบ้าน เมื่อจะให้ เศรษฐีเอานิ้วมือเพียงสามนิ้ว หยิบข้าวสารและถั่วเป็นต้น แม้จะให้เภสัช มีเนยใส และน้ำอ้อย ก็เอียงปากขวดไหลลงทีละหยดให้ได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น ด้วยความตระหนี่ ตั้งแต่นั้น เศรษฐีนั้นจึงมีชื่อว่า "พิฬาลปทกเศรษฐี" หรือ."เศรษฐีตีนแมว"
อุบาสกนั้นได้แยกเอาวัตถุทานของเศรษฐีนี้ไว้ต่างหาก เมื่อเศรษฐีเห็นการกระทำเช่นนี้ จึงส่งคนของตนตามไปดูพฤติกรรมของอุบาสกนั้น
เมื่ออุบาสกกลับไปแล้วได้นำข้าวสาร ๒-๓ เมล็ด ใส่ลงในส่วนที่จะทำยาคู ภัต และขนมทุกอย่าง คนงานเห็นดังนั้นแล้วกลับมาบอกเศรษฐี
ในวันรุ่งขึ้น เศรษฐีเหน็บกฤชไว้ระหว่างชายผ้า คิดว่าถ้าอุบาสกเอ่ยชื่อเรา จักประหารให้ตาย ในเวลาถวายทาน อุบาสกนั้นกราบทูลพระพุทธองค์ว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ชักชวนมหาชนถวายทานนี้ ตามกำลังของแต่ลคน ขอผลอันไพศาล จงมีแก่มหาชนเหล่านั้นทั้งหมด "
เศรษฐีได้ฟังคำถวายทานของอุบาสกนั้นแล้วหมอบลงแทบเท้าอุบาสกนั้นกล่าวว่า
"ขอนายจงยกโทษให้ผมด้วย" แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดแก่อุบาสกนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทราบความนั้น ตรัสว่า
"มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ
อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ
อาปูรติ ธีโร ปุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ.
อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ
อาปูรติ ธีโร ปุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ.
บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่า ‘บุญมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง’
แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมา ทีละหยาด ๆได้ฉันใด,
ธีรชน (ชนผู้มีปัญญา) สั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น."
แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมา ทีละหยาด ๆได้ฉันใด,
ธีรชน (ชนผู้มีปัญญา) สั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น."
ในกาลจบพระธรรมเทศนา เศรษฐีนั้นได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วพระธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชนที่มาประชุมกันนั้นทั้งหมด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น